หน่วยที่ 8 การป้องกันและกำจัดไวรัส
ความหมายของไวรัส (Virus)
ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน เมื่อไวรัสเข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์แล้ว อาจจะทำความเสียหายแก่ข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือรบกวนการทำงานของระบบปฏิบัติการ การที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดติดไวรัส ไวรัสได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์
ประเภทของไวรัส
ไวรัสมีอยู่หลายประเภท โดยแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้
1.ไฟล์ไวรัส (File Virus) เป็นประเภทไวรัสที่ใหญ่ที่สุด โดยไวรัสประเภทนี้จะซ่อนตัวเองไปกับไฟล์ ซึ่งโดยมากมักเป็นไฟล์ประเภทโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น .com , .exe, .sys, .dll
2.บู๊ตเซกเตอร์ไวรัส (Boot Sector Virus) เป็นไวรัสประเภทที่ติดทางอุปกรณ์พกพา คือ แฟลซไดร์ฟตัวไวรัสจะทำงานโหลดตัวเองขึ้นมาก่อนระบบปฏิบัติการ ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ก็เท่ากับว่าไปทำให้ไวรัสขึ้นมาทำงานทุกครั้งก่อนการเรียกใช้โปรแกรมอื่นๆ
3.มาไครไวรัส (Macro Virus) เป็นไวรัสประเภทใหม่ที่ก่อกวนโปรแกรมสำนักงานต่างๆ เช่น MS Word, Excel, PowerPoint ซึ่งจะใช้ลักษณะพิเศษของโปรแกรมที่มีการเขียนโปรแกรมด้วยมาโครเป็นชุดคำสั่งเล็กๆทำงานอัตโนมัติ มักจะทำให้ไฟล์มีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ การทำงานหยุดชะงักโดยไม่ทราบสาเหตุหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ขัดขวางกระบวนการพิมพ์ เป็นต้น
4.หนอนไวรัส (Worm) โดยที่จริงแล้วหนอนไวรัสยังไม่ถือว่าเป็นไวรัสเสียทีเดียว เนื่องจากจะไม่ติดกับโปรแกรมใดๆ หนอนไวรัสอาจจะเป็นโปรแกรมหนึ่ง หรือชุดคำสั่งโปรแกรม ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เอง และจะติดกับคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย (Network) เป้าหมายของหนอนไวรัส คือ การโจมตีผ่านเครือข่าย ซึ่งมีตั้งแต่ขัดขวางการทำงานไปจนถึงทำให้เครือข่ายล่ม
5.โทรจัน (Trojan) มีลักษณะและพฤติกรรมไม่แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆ ไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้โทรจันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้แฝงตัวเองเข้าไปในระบบและจะทำงานโดยการดักจับเอารหัสผ่านเข้าสู่ระบบต่างๆและส่งกลับไปยังผู้ประสงค์ร้าย เพื่อเข้าใช้หรือโจมตีระบบในภายหลัง ซึ่งแฝงมาในหลายๆ รูปแบบ เช่น โปรแกรม หรือการ์ดอวยพร เป็นต้น เพื่อดักจับติดตาม หรือควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกคุกคาม
สปานแวร์ (Spyware)
สปานแวร์ (Spyware) คือ โปรแกรมที่แฝงเข้ามาในคอมพิวเตอร์ขณะที่กำลังทำงานบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาสอดส่อง หรือดักจับข้อมูลการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ อาจมีการสำรวจโปรแกรมและไฟล์ต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย สปายแวร์นี้จะทำการสุ่มข้อมูลดังกล่าวไปในเครื่องปลายทางที่โปรแกรมได้ระบุเอาไว้ ดังนั้น ข้อมูลต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป สปายแวร์อาจเข้ามาเพื่อโฆษณาสินค้าต่างๆบางตัวก็สร้างความรำคาญเพราะจะเปิดหน้าต่างโฆษณาบ่อยๆ แต่บางตัวร้ายกว่านั้น คือ ทำให้ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เลย
สปายแวร์ติดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ไม่เคยป้องกัน ไม่เคยบำรุงรักษา จึงมักเกิดปัญหา สปายแวร์จะติดได้หลายทางแต่หลักๆ คือ
1.เข้าเยี่ยมเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อเว็บไซต์บอกให้ดาวน์โหลดโปรแกรมดาวน์โหลดโดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
2. ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีที่เรียกว่า Freeware มาใช้โปรแกรมฟรีนั้นมีใช้ก็ได้ แต่ก็ควรดูให้ดีเพราะโปรแกรมฟรีหลายตัว จะมีสปายแวร์ติดมาด้วย
3. เปิดโปรแกรมที่ส่งมากับอีเมล บางครั้งมีผู้ที่ส่งอีเมล์มาให้พร้อมโปรแกรมสวยงาม โดยที่ไม่รู้ว่ามีสปายแวร์อยู่ด้วยก็ส่งต่อๆกันไป
ข้อสังเกตเกี่ยวกับสปายแวร์
เมื่อสปายแวร์เข้ามาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็จะสำแดงลักษณะพิเศษของโปรแกรมออกมา คือ นำเสนอหน้าเว็บไซต์โฆษณาเชิญชวนให้คิดทุกครั้งที่ออนไลน์อินเทอร์เน็ต โดยมาในรูปต่างๆกัน ดังนี้
1. มี Pop up ขึ้นมาบ่อยครั้งที่เข้าเว็บ
2. ทูลบาร์ ( Toolbar ) มีแถบปุ่มเครื่องเมื่อเพิ่ม
3. หน้าจอ ( Desktop ) มีไอคอน ( Icon ) แปลกๆเพิ่มขึ้น
4. เมื่อเปิดเว็บเบราว์เซอร์ ( Web Browser ) หน้าเว็บแรกที่พบแสดงเว็บไซต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยพบเห็นมาก่อน
5. เว็บไซต์ใดที่ไม่สามารถเข้าได้ หน้าเว็บไซต์โฆษณาของสปายแวร์จะมาแทนที่
วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้ถูกโจมตีจากสปายแวร์
1. ติดตั้งโปรแกรม Anti-Spyware ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ Anti-Spyware สามารถตรวจสอบค้นหาสิ่งแปลกปลอม (Spyware) ที่จะเข้าฝั่งตัวอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรม Anti-Spyware จะทำหน้าที่ตรวจสอบเป็นลักษณะเรียลไทม์ เมื่อ Anti-Spyware ตรวจพบสปายแวร์ก็จะทำการเตือนให้ผู้ใช้ทราบและทำการลบสปายแวร์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทันที
2. ไม่ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรจะดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
3. เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งและพบหน้าจอที่ผิดปกติ ให้พิจารณาอ่านข้อความเพื่อตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไป หรือหากไม่แน่ใจว่าคืออะไรให้ทำการปิดหน้าจอเหล่านั้นโดยทันที ( คลิกที่เครื่องหมาย x กากบาท )
การป้องกันสปายแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์
บางครั้งอาจจะมีซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์อื่นๆ เข้ามาละเมิดความเป็นส่วนตัว แสดงโฆษณาที่ไม่ ต้องการแบบไม่รู้กาลเทศะ ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้า หรืออาจทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหาใช้งานไม่ได้ วิธีการช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์จากสปายแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ มีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 อัพเดตซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ถ้าหากใช้ Windows XP อยู่วิธีการอย่างหนึ่งซึ่งช่วยป้องกันสปายแวร์และซอฟแวร์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ คือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ทั้งหมดได้รับการอัพเดตแล้ว โดยจะต้องเข้าไปที่เมนู Windows Update เพื่อดูว่า หัวข้อ Automatic Updates เปิดทำงานอยู่แล้วหรือไม่ เพราะคุณสมบัติข้อนี้ จะช่วยให้ดาวน์โหลดอัพเดตโปรแกรมสำคัญและระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดมายังคอมพิวเตอร์ได้
ขั้นตอนที่ 2 ปรับแต่งตัวแปรระบบรักษาความปลอดภัยของ Internet Explorer สามารถปรับแต่งตัวแปรระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บเบราวเซอร์ Internet Explorer ว่าต้องการรับข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ มากน้อยเพียงใดได้ ไมโครซอฟต์แนะนำให้คุณตั้งค่าตัวแปรของระบบรักษาความปลอดภัยของ Internet Zone ให้อยู่ที่ Medium หรือสูงกว่าจึงจะดีที่สุด
ขั้นตอนที่ 3 ใช้ไฟร์วอลล์ (Firewall) แม้ว่าสปายแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่มักจะมากับโปรแกรมอื่นๆ แต่ยังมีสปายแวร์อีกประเภทหนึ่งซึ่งอาจถูกแฮกเกอร์นำมาปล่อยเอาไว้ก็เป็นได้ ดังนั้น การติดตั้งไฟร์วอลล์หรือใช้ไฟร์วอลล์ที่มีอยู่ใน Windows XP จะช่วยให้ป้องกันแฮกเกอร์เหล่านี้ได้
ขั้นตอนที่ 4 ท่องเว็บไซต์และดาวน์โหลดข้อมูลอย่างรอบคอบวิธีการป้องกันสปายแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ก็คือ การไม่ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เหล่านี้มาตั้งแต่แรก เทคนิคช่วยป้องกันตัวจากการดาวน์โหลดซอฟแวร์ที่ไม่ต้องการ มีดังนี้ คือ
1. ดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่เชื่อใจเท่านั้น ถ้าหากไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใจซอฟต์แวร์ที่กำลังดาวน์โหลดมาหรือไม่ควรสอบถามจากเพื่อนที่มีความรู้มากกว่า หรือใส่ชื่อโปรแกรมดังกล่าวลงไปในกลไกค้นหาข้อมูลชนิดใดก็ได้เพื่อดูว่ามีการรายงานพบสปายแวร์ในโปรแกรมชนิดนี้หรือไม่
2. อ่านคำเตือนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ และข้อความมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวในซอฟต์แวร์ที่กำลังจะดาวน์โหลดมาใช้
3. ห้ามคลิกที่ Agree หรือ Ok เพื่อปิดวินโดวส์ แต่ควรคลิกที่ปุ่ม X สีแดงที่มุมขวาบนของวินโดวส์
4. เลือกใช้โปรแกรมแลกไฟล์เพลงและภาพยนตร์ “แจกฟรี” ชื่อดังชนิดต่างๆ อย่างระมัดระวัง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีซอฟต์แวร์อะไรที่พ่วงมากับตัวโปรแกรมหลักแล้วบ้าง
วิธีการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ ให้ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส แล้วทำการอัพเดตไวรัสอย่างสม่ำเสมอ และให้ทำการสแกนไวรัสเป็นประจำ โดยสแกนแบบ Full ทั้งนี้ มีข้อที่ควรปฏิบัติในการป้องกันไวรัส ดังนี้
1. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส และอัพเดตไวรัสอยู่เสมอ
2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมกับระบบปฏิบัติการของเครื่อง
3. สร้างแผ่น Emergency Disc หรือแผ่น Boot CD/USB เพื่อใช้ในการกู้ระบบ
4. อัพเดตข้อมูลไวรัสของโปรแกรมทุกวัน หรือทุกครั้งที่โปรแกรมแจ้งเตือนให้อัพเดต
5. เปิดใช้งาน auto-protect ถ้าโปรแกรมสนับสนุน
6. ตรวจสอบหาไวรัสทุกครั้งก่อนเปิดไฟล์จากแผ่นหรือสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ
7. ใช้โปรแกรมเพื่อทำการตรวจหาไวรัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
โปรแกรมที่นิยมใช้ในการป้องกันไวรัส
การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส ส่วนมากจะชอบโหลดโปรแกรมสแกนไวรัสจากเว็บไซต์ต่างๆ จะมีโปรแกรมที่นิยมดาวน์โหลดใช้ในการป้องกันไวรัส มีดังนี้
1. AVG Antivirus Free Edition 2011 เป็นโปรแกรมที่สามารถป้องกันไวรัสและสปายแวร์ตัว
ใหม่ๆ ได้ เช่น ไวรัสที่มากับ E-mail เพราะทุกวันนี้ไวรัสและสปายแวร์จะมีการอัพเดตความสามารถในการทำลายอยู่ตลอด ดังนั้น ควรอัพเดตโปรแกรมที่มีอยู่และอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ๆ ของโปรแกรมอยู่ตลอดเวลา ถ้ายังไม่มีโปรแกรมสแกนไวรัส ลองใช้โปรแกรมที่ติดอันดับต้นๆ ของการดาวน์โหลดอย่าง AVG Antivirus Free Edition 2011 มาลองใช้กัน
2. Avira AntiVir Personal Free Edition สามารถกำจัดไวรัสได้มากกว่า 300,000 ชนิด มีการอัพเดต ข้อมูลไวรัสในเครื่องแบบอัตโนมัติ ทำให้โปรแกรมไม่ล้าหลัง และตามไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ทัน โปรแกรมนี้เหมาะสมสำหรับคนที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตและชอบดาวน์โหลดทั้งหลาย แต่บางที่เวลาที่สแกน โปรแกรมก็อาจจะลบข้อมูลบางอย่างออกไปด้วย
3. Avast Free Antivirus สามารถป้องกันไวรัส Spyware หรือ Malware ต่างๆ ที่แฝงตัวมากับเว็บไซต์ไม่ให้เข้ามาทำร้ายข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ การสแกนสามารถสแกนได้ทั้งไฟล์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และสแกนสามารถสแกนขณะที่บู๊ตเครื่องก็ได้ โดยโปรแกรมจะตรวจจับไวรัสและกำจัดไวรัสให้ทันทีที่พบ และในปัจจุบันโปรแกรมสามารถรองรับภาษาได้มากกว่า 19 ภาษา เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถใช้งานได้ง่าย ที่สำคัญไม่หนักเครื่องด้วย
4. PC Tools AntiVirus Free โปรแกรมนี้จะช่วยป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ให้ติดไวรัสได้ง่ายๆ ซึ่งเหมือนกับโปรแกรมสแกนไวรัสตัวอื่นๆ โปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี แต่ขนาดของไฟล์อาจจะค่อนข้างใหญ่ และอาจทำให้หนักเครื่องอยู่บ้าง
5. Microsoft Security Essentials โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบและกำจัดไวรัสหรือสปายแวร์ได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่ว่าไวรัสจะเปลี่ยนสถานะในการเข้าถึงข้อมูลเป็นอย่างไรก็ตามโปรแกรมก็จะตรวจพบไวรัสได้อยู่ดี จึงควรดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ไปใช้ เพราะเป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาโดยบรัท Microsoft เองซึ่งน่าจะช่วยผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows User
6. ThreatFire AntiVirus Free Edition โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสนี้สามารถตรวจได้ทั้ง Trojans, rootkits, hijackers, keyloggers และ Malware ตัวอื่นๆแต่โปรแกรมสแกนไวรัสตัวนี้ไม่สามารถสแกนครั้งละ File หรือ Folder ได้เพราะโปรแกรมจะบังคับให้สแกนทุกไดร์ฟพร้อมกันหมด
7.Emsisoft Anti-Malware 5.0 เป็นโปรแกรมที่ช่วยป้องกันไวรัสโทรจันประเภท Back Orifice และโปรแกรมนี้ยังสามารถตรวจหาไวรัสที่แนบมากับ E-Mail ที่เป็นตระกลู ZIP, ARJ, CAB หรือไฟล์ที่มาจากการดาวน์โหลดได้เช่นกัน และในโปรแกรมนี้ยังสามารถสแกนตัวโทรจันและระบุข้อมูลของไวรัสโทรจันแต่ละประเภทได้อีกด้วย การเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสโทรจันเหล่านี้ ถ้าจะใช้โปรแกรมนี้จะต้องใช้เวลานานในการติดตั้ง เพราะโปรแกรมมีขนาดใหญ่พอสมควร
8. Panda Cloud Antivirus Free เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์น้อย สำหรับโปรแกรมนี้สามารถใช้งานง่าย เพราะมีไอคอนเพียงไม่กี่ปุ่ม ในการทำงานของโปรแกรมนี้จะทำการอัพเดตอัตโนมัติเมื่อเราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถสแกนไวรัสตัวใหม่ๆได้ อีกทั้งยังสแกนได้อย่างรวดเร็ว
9. MultiVirusCleaner 2009 โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมอเนกประสงค์ที่สามารถตรวจจับและกำจัดไวรัสหรือสปายแวร์ได้ และสามารถอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสของตัวเองเพื่อให้โปรแกรมสามารถตรวจจับไวรัสขนิดใหม่ๆ ได้ โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใช้งานได้หากเครื่องมีปัญหา นอกจากนี้โปรแกรมสแกนไวรัส MultiVirusCleaner 2009 ยังสามารถตรวจพบไวรัสได้มากถึง 6,400 ประเภทในแบบต่างๆ กันได้โดยไม่มีปัญหา
10.Avast-Virus Cleaner and Worm Removal Tool โปรแกรมนี้จะช่วยกำจัดไวรัส และหนอนต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการลบจาก Registry หรือ Start up สำหรับข้อเสียของโปรแกรมนี้ คือ ไม่สามารถกำจัดไวรัสได้ทุกตัว ส่วนข้อดี คือ โปรแกรมนี้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งให้ยุ่งยากเพียงแค่ดับเบิ้ลคลิกก็สามารถใช้งานได้ทันที และข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ โปรแกรมนี้สามารถพกพาได้งายเพียงแค่ทำการบันทึกใส่ Flash Drive ก็นำไปสแกนได้ทุกที่
11. Baidu Antivirus 2014 เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสแจกฟรีที่มีประสิทธิภาพสูงจากประเทศจีน พัฒนาโดย Baidu Inc. เป็นบริษัทที่ให้บริการ Search Engine ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน และผู้ใช้มากที่สุดในประเทศ โดยให้ดาวน์โหลดแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
โปรแกรมสแกนไวรัส Baidu Antivirus สามารถดูแลคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี ปลอดภัยจากไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ป้องกันไวรัสมัลแวร์ และภัยคุกคามอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทุกเวลาจุดเด่นของโปรแกรมนี้ คือ การใช้เทคโนโลยีการสแกนไวรัสด้วยระบบความปลอดภัยแบบคลาวด์ (Cloud Security) โดยเน้นตรวจจับไวรัส สแกนไวรัสก่อนที่ไวรัสจะเข้ามาติด และสร้างความเสียหายอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ โปรแกรม Baidu Antivirus จะป้องกันชั้นนอกเอาไว้ก่อน
|