จำนวนผู้เข้าชม
 

 

หน่วยที่ 8 การป้องกันและกำจัดไวรัส

    ความหมายของไวรัส  (Virus)
ไวรัสคอมพิวเตอร์  เป็นโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์  และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ  ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง  หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน  เมื่อไวรัสเข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์แล้ว  อาจจะทำความเสียหายแก่ข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์  หรือรบกวนการทำงานของระบบปฏิบัติการ   การที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดติดไวรัส  ไวรัสได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์

    ประเภทของไวรัส
ไวรัสมีอยู่หลายประเภท  โดยแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ  ได้ดังนี้
1.ไฟล์ไวรัส  (File  Virus)  เป็นประเภทไวรัสที่ใหญ่ที่สุด  โดยไวรัสประเภทนี้จะซ่อนตัวเองไปกับไฟล์  ซึ่งโดยมากมักเป็นไฟล์ประเภทโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น  .com , .exe, .sys, .dll
2.บู๊ตเซกเตอร์ไวรัส  (Boot  Sector  Virus)  เป็นไวรัสประเภทที่ติดทางอุปกรณ์พกพา  คือ  แฟลซไดร์ฟตัวไวรัสจะทำงานโหลดตัวเองขึ้นมาก่อนระบบปฏิบัติการ  ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง  ก็เท่ากับว่าไปทำให้ไวรัสขึ้นมาทำงานทุกครั้งก่อนการเรียกใช้โปรแกรมอื่นๆ
3.มาไครไวรัส  (Macro  Virus)  เป็นไวรัสประเภทใหม่ที่ก่อกวนโปรแกรมสำนักงานต่างๆ  เช่น  MS  Word, Excel, PowerPoint  ซึ่งจะใช้ลักษณะพิเศษของโปรแกรมที่มีการเขียนโปรแกรมด้วยมาโครเป็นชุดคำสั่งเล็กๆทำงานอัตโนมัติ  มักจะทำให้ไฟล์มีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ  การทำงานหยุดชะงักโดยไม่ทราบสาเหตุหรือทำให้ไฟล์เสียหาย  ขัดขวางกระบวนการพิมพ์   เป็นต้น
4.หนอนไวรัส  (Worm)  โดยที่จริงแล้วหนอนไวรัสยังไม่ถือว่าเป็นไวรัสเสียทีเดียว  เนื่องจากจะไม่ติดกับโปรแกรมใดๆ  หนอนไวรัสอาจจะเป็นโปรแกรมหนึ่ง  หรือชุดคำสั่งโปรแกรม  ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เอง  และจะติดกับคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย  (Network)  เป้าหมายของหนอนไวรัส  คือ  การโจมตีผ่านเครือข่าย  ซึ่งมีตั้งแต่ขัดขวางการทำงานไปจนถึงทำให้เครือข่ายล่ม
5.โทรจัน  (Trojan)  มีลักษณะและพฤติกรรมไม่แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆ  ไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้โทรจันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้แฝงตัวเองเข้าไปในระบบและจะทำงานโดยการดักจับเอารหัสผ่านเข้าสู่ระบบต่างๆและส่งกลับไปยังผู้ประสงค์ร้าย  เพื่อเข้าใช้หรือโจมตีระบบในภายหลัง  ซึ่งแฝงมาในหลายๆ รูปแบบ  เช่น  โปรแกรม  หรือการ์ดอวยพร  เป็นต้น  เพื่อดักจับติดตาม  หรือควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกคุกคาม

    สปานแวร์  (Spyware)
สปานแวร์  (Spyware)  คือ  โปรแกรมที่แฝงเข้ามาในคอมพิวเตอร์ขณะที่กำลังทำงานบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาสอดส่อง  หรือดักจับข้อมูลการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์  นอกจากนี้  อาจมีการสำรวจโปรแกรมและไฟล์ต่างๆ  ในเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย  สปายแวร์นี้จะทำการสุ่มข้อมูลดังกล่าวไปในเครื่องปลายทางที่โปรแกรมได้ระบุเอาไว้  ดังนั้น  ข้อมูลต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป  สปายแวร์อาจเข้ามาเพื่อโฆษณาสินค้าต่างๆบางตัวก็สร้างความรำคาญเพราะจะเปิดหน้าต่างโฆษณาบ่อยๆ  แต่บางตัวร้ายกว่านั้น  คือ  ทำให้ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เลย
    สปายแวร์ติดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้  ไม่เคยป้องกัน  ไม่เคยบำรุงรักษา  จึงมักเกิดปัญหา  สปายแวร์จะติดได้หลายทางแต่หลักๆ คือ
1.เข้าเยี่ยมเว็บไซต์ต่างๆ  เมื่อเว็บไซต์บอกให้ดาวน์โหลดโปรแกรมดาวน์โหลดโดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
2. ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีที่เรียกว่า Freeware มาใช้โปรแกรมฟรีนั้นมีใช้ก็ได้  แต่ก็ควรดูให้ดีเพราะโปรแกรมฟรีหลายตัว จะมีสปายแวร์ติดมาด้วย
3. เปิดโปรแกรมที่ส่งมากับอีเมล  บางครั้งมีผู้ที่ส่งอีเมล์มาให้พร้อมโปรแกรมสวยงาม  โดยที่ไม่รู้ว่ามีสปายแวร์อยู่ด้วยก็ส่งต่อๆกันไป

    ข้อสังเกตเกี่ยวกับสปายแวร์
เมื่อสปายแวร์เข้ามาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์  ก็จะสำแดงลักษณะพิเศษของโปรแกรมออกมา  คือ  นำเสนอหน้าเว็บไซต์โฆษณาเชิญชวนให้คิดทุกครั้งที่ออนไลน์อินเทอร์เน็ต  โดยมาในรูปต่างๆกัน ดังนี้
1. มี  Pop  up  ขึ้นมาบ่อยครั้งที่เข้าเว็บ
2. ทูลบาร์ ( Toolbar )  มีแถบปุ่มเครื่องเมื่อเพิ่ม
3. หน้าจอ  ( Desktop )  มีไอคอน  ( Icon ) แปลกๆเพิ่มขึ้น
4. เมื่อเปิดเว็บเบราว์เซอร์  ( Web  Browser )  หน้าเว็บแรกที่พบแสดงเว็บไซต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยพบเห็นมาก่อน
5. เว็บไซต์ใดที่ไม่สามารถเข้าได้   หน้าเว็บไซต์โฆษณาของสปายแวร์จะมาแทนที่

    วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้ถูกโจมตีจากสปายแวร์
1. ติดตั้งโปรแกรม  Anti-Spyware  ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้    Anti-Spyware   สามารถตรวจสอบค้นหาสิ่งแปลกปลอม (Spyware) ที่จะเข้าฝั่งตัวอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์  ซึ่งโปรแกรม  Anti-Spyware   จะทำหน้าที่ตรวจสอบเป็นลักษณะเรียลไทม์  เมื่อ Anti-Spyware   ตรวจพบสปายแวร์ก็จะทำการเตือนให้ผู้ใช้ทราบและทำการลบสปายแวร์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทันที
2. ไม่ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ  ควรจะดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
3. เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งและพบหน้าจอที่ผิดปกติ  ให้พิจารณาอ่านข้อความเพื่อตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานก่อนที่จะดำเนินการใดๆ  ต่อไป  หรือหากไม่แน่ใจว่าคืออะไรให้ทำการปิดหน้าจอเหล่านั้นโดยทันที  ( คลิกที่เครื่องหมาย x กากบาท )

    การป้องกันสปายแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์
บางครั้งอาจจะมีซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์อื่นๆ  เข้ามาละเมิดความเป็นส่วนตัว  แสดงโฆษณาที่ไม่ ต้องการแบบไม่รู้กาลเทศะ  ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้า  หรืออาจทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหาใช้งานไม่ได้   วิธีการช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์จากสปายแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ  มีดังนี้
ขั้นตอนที่  1  อัพเดตซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ถ้าหากใช้  Windows  XP  อยู่วิธีการอย่างหนึ่งซึ่งช่วยป้องกันสปายแวร์และซอฟแวร์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ  ได้  คือ  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ทั้งหมดได้รับการอัพเดตแล้ว   โดยจะต้องเข้าไปที่เมนู    Windows  Update  เพื่อดูว่า  หัวข้อ  Automatic  Updates  เปิดทำงานอยู่แล้วหรือไม่  เพราะคุณสมบัติข้อนี้ จะช่วยให้ดาวน์โหลดอัพเดตโปรแกรมสำคัญและระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดมายังคอมพิวเตอร์ได้
ขั้นตอนที่  2  ปรับแต่งตัวแปรระบบรักษาความปลอดภัยของ  Internet  Explorer สามารถปรับแต่งตัวแปรระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บเบราวเซอร์  Internet  Explorer  ว่าต้องการรับข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ  มากน้อยเพียงใดได้  ไมโครซอฟต์แนะนำให้คุณตั้งค่าตัวแปรของระบบรักษาความปลอดภัยของ  Internet  Zone  ให้อยู่ที่  Medium หรือสูงกว่าจึงจะดีที่สุด
ขั้นตอนที่  3  ใช้ไฟร์วอลล์ (Firewall) แม้ว่าสปายแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่มักจะมากับโปรแกรมอื่นๆ  แต่ยังมีสปายแวร์อีกประเภทหนึ่งซึ่งอาจถูกแฮกเกอร์นำมาปล่อยเอาไว้ก็เป็นได้  ดังนั้น  การติดตั้งไฟร์วอลล์หรือใช้ไฟร์วอลล์ที่มีอยู่ใน  Windows  XP  จะช่วยให้ป้องกันแฮกเกอร์เหล่านี้ได้
ขั้นตอนที่  4  ท่องเว็บไซต์และดาวน์โหลดข้อมูลอย่างรอบคอบวิธีการป้องกันสปายแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ  ก็คือ  การไม่ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เหล่านี้มาตั้งแต่แรก  เทคนิคช่วยป้องกันตัวจากการดาวน์โหลดซอฟแวร์ที่ไม่ต้องการ  มีดังนี้  คือ
1. ดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์ที่เชื่อใจเท่านั้น  ถ้าหากไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใจซอฟต์แวร์ที่กำลังดาวน์โหลดมาหรือไม่ควรสอบถามจากเพื่อนที่มีความรู้มากกว่า  หรือใส่ชื่อโปรแกรมดังกล่าวลงไปในกลไกค้นหาข้อมูลชนิดใดก็ได้เพื่อดูว่ามีการรายงานพบสปายแวร์ในโปรแกรมชนิดนี้หรือไม่
2. อ่านคำเตือนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย  ข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์  และข้อความมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวในซอฟต์แวร์ที่กำลังจะดาวน์โหลดมาใช้
3. ห้ามคลิกที่  Agree  หรือ  Ok  เพื่อปิดวินโดวส์  แต่ควรคลิกที่ปุ่ม  X  สีแดงที่มุมขวาบนของวินโดวส์
4. เลือกใช้โปรแกรมแลกไฟล์เพลงและภาพยนตร์  “แจกฟรี”  ชื่อดังชนิดต่างๆ  อย่างระมัดระวัง  ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีซอฟต์แวร์อะไรที่พ่วงมากับตัวโปรแกรมหลักแล้วบ้าง

    วิธีการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์  คือ  ให้ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส  แล้วทำการอัพเดตไวรัสอย่างสม่ำเสมอ  และให้ทำการสแกนไวรัสเป็นประจำ  โดยสแกนแบบ  Full  ทั้งนี้  มีข้อที่ควรปฏิบัติในการป้องกันไวรัส  ดังนี้
1. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส  และอัพเดตไวรัสอยู่เสมอ
2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมกับระบบปฏิบัติการของเครื่อง
3. สร้างแผ่น  Emergency  Disc  หรือแผ่น  Boot  CD/USB  เพื่อใช้ในการกู้ระบบ
4. อัพเดตข้อมูลไวรัสของโปรแกรมทุกวัน  หรือทุกครั้งที่โปรแกรมแจ้งเตือนให้อัพเดต
5. เปิดใช้งาน  auto-protect  ถ้าโปรแกรมสนับสนุน
6. ตรวจสอบหาไวรัสทุกครั้งก่อนเปิดไฟล์จากแผ่นหรือสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ
7. ใช้โปรแกรมเพื่อทำการตรวจหาไวรัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย  1  ครั้งต่อสัปดาห์

    โปรแกรมที่นิยมใช้ในการป้องกันไวรัส
การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส   ส่วนมากจะชอบโหลดโปรแกรมสแกนไวรัสจากเว็บไซต์ต่างๆ  จะมีโปรแกรมที่นิยมดาวน์โหลดใช้ในการป้องกันไวรัส  มีดังนี้
1. AVG  Antivirus  Free  Edition  2011  เป็นโปรแกรมที่สามารถป้องกันไวรัสและสปายแวร์ตัว
ใหม่ๆ  ได้  เช่น  ไวรัสที่มากับ  E-mail  เพราะทุกวันนี้ไวรัสและสปายแวร์จะมีการอัพเดตความสามารถในการทำลายอยู่ตลอด  ดังนั้น  ควรอัพเดตโปรแกรมที่มีอยู่และอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ๆ  ของโปรแกรมอยู่ตลอดเวลา  ถ้ายังไม่มีโปรแกรมสแกนไวรัส  ลองใช้โปรแกรมที่ติดอันดับต้นๆ  ของการดาวน์โหลดอย่าง  AVG  Antivirus  Free  Edition  2011  มาลองใช้กัน

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462459807328/wan-wi-sakh-8hna-4/111.png?height=284&width=400

2. Avira AntiVir Personal Free Edition สามารถกำจัดไวรัสได้มากกว่า  300,000  ชนิด  มีการอัพเดต  ข้อมูลไวรัสในเครื่องแบบอัตโนมัติ  ทำให้โปรแกรมไม่ล้าหลัง  และตามไวรัสตัวใหม่ๆ  ได้ทัน  โปรแกรมนี้เหมาะสมสำหรับคนที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตและชอบดาวน์โหลดทั้งหลาย  แต่บางที่เวลาที่สแกน  โปรแกรมก็อาจจะลบข้อมูลบางอย่างออกไปด้วย

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462459893073/wan-wi-sakh-8hna-4/333.jpg?height=282&width=400

3.  Avast  Free  Antivirus  สามารถป้องกันไวรัส  Spyware  หรือ  Malware  ต่างๆ  ที่แฝงตัวมากับเว็บไซต์ไม่ให้เข้ามาทำร้ายข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้   การสแกนสามารถสแกนได้ทั้งไฟล์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์  และสแกนสามารถสแกนขณะที่บู๊ตเครื่องก็ได้  โดยโปรแกรมจะตรวจจับไวรัสและกำจัดไวรัสให้ทันทีที่พบ   และในปัจจุบันโปรแกรมสามารถรองรับภาษาได้มากกว่า  19  ภาษา   เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด   สามารถใช้งานได้ง่าย   ที่สำคัญไม่หนักเครื่องด้วย

4. PC Tools  AntiVirus  Free  โปรแกรมนี้จะช่วยป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ให้ติดไวรัสได้ง่ายๆ   ซึ่งเหมือนกับโปรแกรมสแกนไวรัสตัวอื่นๆ  โปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี  แต่ขนาดของไฟล์อาจจะค่อนข้างใหญ่  และอาจทำให้หนักเครื่องอยู่บ้าง

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460218112/wan-wi-sakh-8hna-4/1.jpg?height=266&width=400

5. Microsoft  Security  Essentials  โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบและกำจัดไวรัสหรือสปายแวร์ได้เกือบทุกรูปแบบ  ไม่ว่าไวรัสจะเปลี่ยนสถานะในการเข้าถึงข้อมูลเป็นอย่างไรก็ตามโปรแกรมก็จะตรวจพบไวรัสได้อยู่ดี  จึงควรดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ไปใช้  เพราะเป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาโดยบรัท  Microsoft  เองซึ่งน่าจะช่วยผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการ  Windows User

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460264887/wan-wi-sakh-8hna-4/2.png?height=285&width=400
6. ThreatFire  AntiVirus  Free  Edition  โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสนี้สามารถตรวจได้ทั้ง  Trojans, rootkits, hijackers, keyloggers และ Malware  ตัวอื่นๆแต่โปรแกรมสแกนไวรัสตัวนี้ไม่สามารถสแกนครั้งละ  File หรือ Folder  ได้เพราะโปรแกรมจะบังคับให้สแกนทุกไดร์ฟพร้อมกันหมด 

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460341754/wan-wi-sakh-8hna-4/3.png?height=285&width=400

7.Emsisoft Anti-Malware 5.0 เป็นโปรแกรมที่ช่วยป้องกันไวรัสโทรจันประเภท  Back  Orifice  และโปรแกรมนี้ยังสามารถตรวจหาไวรัสที่แนบมากับ  E-Mail  ที่เป็นตระกลู  ZIP, ARJ, CAB  หรือไฟล์ที่มาจากการดาวน์โหลดได้เช่นกัน   และในโปรแกรมนี้ยังสามารถสแกนตัวโทรจันและระบุข้อมูลของไวรัสโทรจันแต่ละประเภทได้อีกด้วย  การเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสโทรจันเหล่านี้  ถ้าจะใช้โปรแกรมนี้จะต้องใช้เวลานานในการติดตั้ง  เพราะโปรแกรมมีขนาดใหญ่พอสมควร

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460402830/wan-wi-sakh-8hna-4/4.jpg?height=287&width=400

8. Panda  Cloud  Antivirus  Free  เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก  ใช้พื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์น้อย  สำหรับโปรแกรมนี้สามารถใช้งานง่าย  เพราะมีไอคอนเพียงไม่กี่ปุ่ม  ในการทำงานของโปรแกรมนี้จะทำการอัพเดตอัตโนมัติเมื่อเราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต  ทำให้สามารถสแกนไวรัสตัวใหม่ๆได้  อีกทั้งยังสแกนได้อย่างรวดเร็ว 

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460438336/wan-wi-sakh-8hna-4/5.jpg?height=276&width=400

9. MultiVirusCleaner  2009  โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมอเนกประสงค์ที่สามารถตรวจจับและกำจัดไวรัสหรือสปายแวร์ได้  และสามารถอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสของตัวเองเพื่อให้โปรแกรมสามารถตรวจจับไวรัสขนิดใหม่ๆ  ได้  โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใช้งานได้หากเครื่องมีปัญหา  นอกจากนี้โปรแกรมสแกนไวรัส MultiVirusCleaner  2009  ยังสามารถตรวจพบไวรัสได้มากถึง 6,400  ประเภทในแบบต่างๆ  กันได้โดยไม่มีปัญหา

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460601692/wan-wi-sakh-8hna-4/6.jpg?height=333&width=400

10.Avast-Virus  Cleaner  and  Worm  Removal  Tool  โปรแกรมนี้จะช่วยกำจัดไวรัส และหนอนต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์  ไม่ว่าจะเป็นการลบจาก  Registry  หรือ  Start  up  สำหรับข้อเสียของโปรแกรมนี้  คือ  ไม่สามารถกำจัดไวรัสได้ทุกตัว  ส่วนข้อดี  คือ  โปรแกรมนี้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งให้ยุ่งยากเพียงแค่ดับเบิ้ลคลิกก็สามารถใช้งานได้ทันที  และข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ  โปรแกรมนี้สามารถพกพาได้งายเพียงแค่ทำการบันทึกใส่  Flash  Drive  ก็นำไปสแกนได้ทุกที่

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462370974459/wan-wi-sakh-8hna-4/10.png?height=218&width=400

11.   Baidu  Antivirus  2014   เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสแจกฟรีที่มีประสิทธิภาพสูงจากประเทศจีน  พัฒนาโดย  Baidu  Inc. เป็นบริษัทที่ให้บริการ  Search  Engine  ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน  และผู้ใช้มากที่สุดในประเทศ  โดยให้ดาวน์โหลดแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462370904335/wan-wi-sakh-8hna-4/11.jpg?height=225&width=400

โปรแกรมสแกนไวรัส  Baidu  Antivirus  สามารถดูแลคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี   ปลอดภัยจากไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ  ป้องกันไวรัสมัลแวร์  และภัยคุกคามอื่นๆ  ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทุกเวลาจุดเด่นของโปรแกรมนี้  คือ  การใช้เทคโนโลยีการสแกนไวรัสด้วยระบบความปลอดภัยแบบคลาวด์  (Cloud  Security) โดยเน้นตรวจจับไวรัส  สแกนไวรัสก่อนที่ไวรัสจะเข้ามาติด  และสร้างความเสียหายอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์  ทั้งนี้  โปรแกรม  Baidu  Antivirus จะป้องกันชั้นนอกเอาไว้ก่อน
https://sites.google.com/a/bicec.ac.th/e-learning/_/rsrc/1462460067507/wan-wi-sakh-8hna-4/444.png?height=287&width=400



แบบฝึกหัด
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 1
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 2
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 3
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 5
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 6
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 7
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 8
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 9
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 10
 
ผู้จัดทำ
 
 
หน้าแรก
วิทยาลัยการอาชีพสตึก 100 หมู่ที่ 23 ถ. บุรีรัมย์-มหาสารคาม ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ 31150 โทร. 0-4468-0114 , 08-1955-1489 Fax 0-4468-0208
SATUK INDUSTRIAL AND COMMUNITY EDUCATION COLLEGE ----Email: stuksticc@gmail.com